Waldorf Astoria Maldives Ithaafushi

Waldorf Astoria Maldives Ithaafushi

รีสอร์ทตัวท็อปของเครือ Hilton เปิดให้บริการเมื่อปี 2019 บนหมู่เกาะสามเกาะที่เชื่อมต่อกันกลางทะเล ที่นี่ออกแบบโดย Highness Engineering Consultants และ Stickman Tribe โดยได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เน้นความยั่งยืนและการใช้วัสดุท้องถิ่น

รีสอร์ทมีทั้งหมด 121 หลัง ทุกหลังเป็นวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว โดยแบ่งออกเป็น

• Reef Villas (ห้องเริ่มต้น วิวแนวปะการัง ใกล้ฝั่ง)

• Overwater Villas (กลางน้ำลึก วิวเปิดโล่ง)

• Beach Villas (ริมชายหาด พร้อมสวนส่วนตัว)

• Stellar Marquis (เป็น Villa กลางน้ำซึ่งแยกตัวออกไปต้องนั่งเรือเข้าไปเท่านั้น)

• Ithaafushi Private Island (เกาะส่วนตัวขนาดใหญ่ที่สุดในมัลดีฟส์ มีวิลล่า 5 หลัง)

ผมพักห้องเริ่มต้น Reef Villa ขนาด 279 ตร.ม. ราคาประมาณ $2,000–$3,000 ต่อคืน ห้องกว้างมาก มีสระวิวทะเล เตียงใหญ่ ห้องน้ำ indoor/outdoor ครบ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความเป็น Overwater แบบไม่ไกลจากฝั่งมาก

การเดินทาง

จากสนามบิน Male โดยเรือยอชต์ส่วนตัวใช้เวลา 45 นาที ค่าธรรมเนียม $900++ ต่อคน

*ราคาปี 2025 ราคาปรับขึ้นทุกปีนะครับ ราคานี้รวมแชมเปญ Veuve Cliquot free flow ต้องดื่มให้คุ้มครับค่าเรือแพงเหลือเกิน 🥹

(++ = ภาษี 26.6%, กำลังจะขึ้นเป็น +28.7% เดือน ก.ค. บวกทีมีหน้าสั่น 😱)

ร้านอาหารในรีสอร์ท (11 แห่ง)

11 แห่งจะไม่เปิดพร้อมกันทั้งหมด จะสลับกันเปิด

• Terra (ห้องอาหารบนต้นไม้)

ร้านตั้งอยู่บนยอดไม้เสิร์ฟเป็นคอร์สราคาประมาณ $395++ ต่อคน

• Yasmeen(อาหารตะวันออกกลาง)

ร้านนี้ไม่ได้ลองครับ ไม่ค่อยถนัด

• Li Long (อาหารจีน) 9/10 ⭐️

ตอนแรกคิดว่าไม่น่าอร่อย อาหารจีนบนเกาะมันจะสักแค่ไหนกัน ปรากฏว่าทำออกมาดีมากๆโดยเฉพาะหมูแดง ประทับใจสุดๆ

• Tasting Table (อาหารนานาชาติ)

Breakfast จะเสิร์ฟที่นี่นะครับ อาหารเช้าค่อนข้างโอเคเลย มีแชมเปญด้วย อาหารเช้า 06:30-10:30

• The Rock (ห้องเก็บไวน์)

ห้องอาหารที่อยู่ในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน เสิร์ฟเป็น Course + Wine Pairing $950++ ต่อคน ร้านนี้ไม่ได้ลองครับ ราคาค่อนข้างสูงและมาถึงมัลดีฟส์ไม่รู้จะมานั่งกินข้าวในห้องใต้ดินทำไม

• The Ledge (บาร์บีคิว) 10/10 ⭐️

ร้านนี้คือร้านดังจากสิงคโปร์ Burnt End นั่นเอง ผมไม่เคยกินที่สิงคโปร์ แต่ผมชอบที่นี่สุดๆไม่น่าเชื่อว่าอยู่กลางทะเลจะมีเนื้อที่อร่อยขนาดนี้ โดยจะมีทั้งแบบ BBQ คอร์ส $295-350++ แล้วแต่เชฟจะจัดให้และ A la carte มี Wagyu Burgerทีเด็ด

• Glow (อาหารจากสวน)

อาหารเพื่อสุขภาพ แนว Farm to table

• Peacock Alley (บาร์)

ที่โปรดของผมเลยครับ มีดนตรีสดด้วยในช่วงค่ำๆ ผมมาที่นี่ทุกคืนเลย และเป็นจุด Happy Hour สำหรับ Hilton Gold/Diamond เวลา 16:00-17:00

• Nava (ร้านอาหารริมสระว่ายน้ำ)

ร้านพิซซ่าริมสระทั่วไป

• Amber (บาร์ชมพระอาทิตย์ตก)

เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด แนะนำให้รีบมานะครับ เพราะที่นั่งมีไม่เยอะ อาหารจะเป็น Light snack ผมดื่มอย่างเดียวครับที่นี่

• Zuma (ร้านอาหารญี่ปุ่น) 8/10 ⭐️

อร่อยมากๆ ผมไม่เคยกิน Zuma มาก่อนเลย

ที่ไทยก็ไม่เคยคิดจะไปกินเลย เห็นพึ่งมาเปิดที่นี่เลยไปลองดู ประทับใจเลย Cod Miso ดีมาก

กิจกรรมพิเศษ

ที่นี่มี Aqua Wellness Center ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพทางน้ำแห่งแรกในมัลดีฟส์ โดยมีไฮไลท์คือ Hydro Therapy Pool สระว่ายน้ำบำบัดที่มีจุดนวดน้ำ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ สามารถใช้บริการได้ฟรีเมื่อจองบริการสปา ถ้าไม่ได้ใช้สปา คิด $70++ ต่อ 30 นาที สนุกดีครับ น้ำแรงมาก

กินกรรมอื่นๆก็มี สนามเทนนิส, พิกเคิลบอล, ฟิตเนส, และกิจกรรมดำน้ำ/กิจกรรมทางน้ำครบ

📌 เกาะที่นี่เป็นถมสร้างเอง (Man made) ทรายจะไม่นุ่มและปะการังจะสู้เกาะธรรมชาติไม่ค่อยได้

📌รีสอร์ทที่นี่คือใหญ่มากๆนะครับถ้าเทียบกับที่อื่นๆในมัลดีฟส์ บางที่มีไม่กี่สิบห้อง แต่ไม่ต้องกลัวคนจะแน่น ระหว่างที่พักคือแทบไม่เจอแขกห้องอื่นเลย สระส่วนกลางคือไม่มีคนเลยเพราะทุกห้องมีสระอยู่แล้ว ยกเว้นตอนทานอาหารเช้าและเย็นบางทีอาจจะแน่นหน่อย

📌 ส่วนตัวชอบรีสอร์ทที่นั่งเรือมากครับ ลงเครื่องแล้วฟีลถึงปุ๊บได้พักผ่อนเลย Seaplane ผมนั่งครั้งเดียวพอครับ มันเสียงดังไม่ชอบเลย แถมฟีลเหมือนถึงแล้ว ต้องต่อเครื่องอีก

⭐️ สิทธิ์ Hilton Honors Gold & Diamond:

-อาหารเช้าฟรี (มูลค่า $74++ ต่อคน)

-อัปเกรดห้อง (แทบเป็นไปไม่ได้ครับ รีสอร์ทนี้ห้องเต็มตลอด)

-Happy Hour ฟรีที่ Peacock Alley 16:00–17:00 (คุ้มมากเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นี่แพงมากๆ ผมปั่นจักรยานมาทุกวัน เบียร์/ไวน์/ ค็อกเทลไม่อั้น ประหยัดไปได้เป็นหมื่น)

-Diamond ได้ Welcome amenity เป็นไวน์และชุดผลไม้

👉🏻เที่ยวมัลดีฟส์ไม่ได้จบแค่ค่าห้อง ค่า Transfer, ค่าอาหารและเครื่องดื่มก็โหดมากๆเช่นกัน ควรเผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ด้วย

Gallery